รีวิวพี่นาค 3

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหนังผีชุด “พี่นาค” ได้ดำเนินมาถึง “part 3” แล้ว จากที่ดูเป็นเหมือนหนัง “simple idea ขายแล้วจบ ดูแล้วก็ลืม กลับมีการต่อยอดสร้างจักรวาลขึ้นมา “earnestly” เผลอแปปเดียวก็ปาไป 3 ภาคแล้ว (ไม่แปลกก็เล่นสร้างกันปีละภาคเลย) ซึ่งแน่นอนยิ่งสร้างออกมามากขึ้น ก็ไม่อาจเลี่ยงได้กับการต้องประสบกับ “world problems” แตกของหนังภาคต่ออย่างการขาดความสดใหม่ หรือการใช้สูตรสำเร็จเดิมๆ 

“Story” เริ่มต้นขึ้นเมื่อ อ๊อด (ปอนด์-คุณพัทธ์ พิเชษฐ์วรวุฒิ) สัปเหร่อหนุ่มแห่ง “Wat Thammanakhanimit” กำลังจะเตรียมตัวเข้าพิธีบวชในอีกไม่กี่วัน ในฐานะที่เคยหนีผีกันมาตั้งแต่ “first part” บอลลูน (เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี) เฟิร์ส (เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์) และคุณโท มินจุน (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) จึงสละเวลางานเพื่อมา “Congratulate” กับอ๊อดในครั้งนี้

แต่ก็ต้องพบว่าอ๊อดกำลังป่วยหนักเพราะต้องคำสาปจากอาถรรพ์ของ “bangle” ที่เขาได้ขุดพบเจอโดยบังเอิญ อีกทั้งเขายังถูก ผีนาคคำ (แชมป์-ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) ออกตามล่าเพื่อทวงกำไลคืน งานนี้ทั้งหน้าเก่าอย่าง Jay “Balloon Gang” พ่วงด้วย เณรน็อต (ต้า-อธิวัตน์ แสงเทียน) ที่มี “Experience” หนีพี่พอๆกัน และ “new face” อย่าง คิดดี (ตูน-อติรุจ แสงเทียน), เณรน้ำเหนือ (เทมโป-กัณฐพัทธ์ กิติชัยวรางค์กูร) และ แปมแปม (คิมเท ซิม) ยูทูปเบอร์จอมจุ้น จึงต้องร่วมมือกัน “Solve puzzles” และล้างคำสาปให้อ๊อด ก่อนที่จะสายเกินไ

พี่นาค 3

“อะไรที่ดีแล้ว ก็ทำต่อไป” อาจจะเป็นคำพูดที่ถูกสำหรับ “other matters” หรืองานอื่นๆ แต่กับงานภาพยนตร์ อะไรที่ดี อาจจะไม่ได้หมายความว่า ทำซ้ำแล้วจะดีเหมือนเดิม จะสำเร็จเหมือนเดิม แน่นอน “Problem” นี้กำลังเกิดกับ พี่นาค 3 เพราะหนังใช้สูตรสำเร็จเหมือนภาคแรกและ “part two” ตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกว่าเหมือนเอาโครงเดิมมาวางใส่ เปลี่ยนแค่ “Event” ในเรื่องแค่นั้นเอง ซึ่งแน่นอนการที่ไม่ใช่ครั้งแรก สิ่งที่เกิดขึ้นมันจึงไม่สดใหม่ ซ้ำซากแล้วก็จำเจ

แต่ตัวหนังก็พยายามจะฉีก “Guidelines” ตัวเองออกไปจากสองภาคก่อน โดยในภาคนี้ตัวหนังให้กลิ่นอายคล้ายกับ Scooby-Doo (การ์ตูนชื่อดังของอเมริกาที่ว่าด้วยกลุ่มคนและหนึ่งหมากับ “adventure” ค้นหาเรื่องราวปริศนาเหนือธรรมชาติ)

คือ มีการสืบหาต้นตอของ “curse” ที่เกิดขึ้นกับอ๊อด แล้วก็หาวิธีการกำจัดคำสาปนั้น แต่หากว่าสิ่งที่มันดูขัดกันตลอดเวลาของเรื่องนี้คือ การจะเอาดีสักอย่างระหว่างสืบหาต้นตอคำสาป หรือจะตลกโปกฮาไร้แก่นสารไปเรื่อย หรือจะเป็น “drama” สอนคุณธรรมตอนเช้าวันเสาร์

พี่นาค 3

หนำซ้ำการเล่าเรื่องในภาคนี้เห็นทีว่าจะเป็น “big wound” เอาการ เพราะนอกจากจะแยกไม่ได้ระหว่างจริงจังกับตลกแล้ว การเล่าเรื่องยังถือว่าดูฝืนมาก ซึ่งล้วนแต่ขาดตรรกะและความน่าเชื่อถือ เล่าให้เห็นภาพ คือ มีคนกำลัง “Suffering” จากคำสาปร้าย แล้วยังมีผีร้ายตามทำร้ายตลอดเส้นทาง ทั้งๆที่ควรจะอันตรายและ “scary”

แต่หนังกลับแสดงออกมาในลักษณะของกลุ่มคณะตลกที่จะไปทริปขอหวยถ้ำนาคาซะมากกว่า แล้วก็วิ่งหนีผีสักหน่อยเดี๋ยวคนไม่รู้ว่านี่เป็น “ghost skin” ยังดีที่มีตัวละคร เณรน็อตและโทมินจุน ที่เหมือนจะคอยเป็นคนดึงทุกคนให้อยู่ในร่องในรอย แต่ก็ดูฝืน “Rhythm” หนังมากเหมือนกัน

  แต่ในการใช้ “original recipe” ถ้าส่วนผสมมันมีคุณภาพ ยังไงซะมันก็ต้องมีจุดที่ดีกันบ้าง ใช่แล้ว สิ่งที่น่าจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดแล้วก็แบกหนังเรื่องนี้ไว้ คือนักแสดงในเรื่องนั่นแหละ “two people” ที่ต้องยกเครดิตให้เต็มๆเลย คือ เจ๊บอลลูนกับอีเฟิร์ส (ในเรื่องเรียกแบบนี้นะ)

โดยเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ เรียกว่า มีเสียงหัวเราะเกิดขึ้น “certain” ด้วยสไตล์ตลกแบบกระเทยๆ ปากไว ทำอะไรไม่คิด เซ่อซ่า มันคือจุดแข็งที่สองคนนี้ทำได้ดีตั้งแต่ “first part” นั่นแหละ แต่อย่างว่าพอมาในภาคนี้ที่สองคนนี้ไม่ได้เป็นต้นตอของเรื่อง เลยทำให้หลายครั้งสองคนนี้ดูน่ารำคาญใน “behavior” และเป็นคนทำลายกาลเทศะของหนังไปเสียเองด้วย (เปรียบง่ายๆเหมือนภาคแรกสองคนนี้เป็นเชฟทำอาหารจะอยู่ในครัวก็ไม่แปลก แต่ภาคนี้ยกระดับเป็น “taster” แต่ก็ยังดันไปอยู่ในครัวอีก)

พี่นาค 3

“part” ตัวละครอื่นๆ ก็จัดว่าเยอะไปหน่อย นอกจากเจ๊บอลลูนกับอีเฟิร์ส คนอื่นๆก็เหมือนเป็นไม้ประดับ คือ มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่เสียหาย อย่างตัวละคร คิดดีกับเณรน้ำเหนือ เอาจริงๆ ตัดใครออกสักคนก็ยังได้ ส่วน “cutie” ก็อยู่ในสถานะกลางๆ ไม่จมไม่ลอย แต่ก็ยังดีที่มีซีนให้เล่นพอสมควรอยู่ใน “frame” กับคนอื่นๆ ตลอดทั้งเรื่อง

  พูดถึงอีกหนึ่ง “component” ที่ใส่เข้ามาได้ดีอย่างความเชื่อเรื่องพญานาคกับพระพุทธศาสนา เรียกว่า จัดเต็มทั้งเรื่องราวและงานภาพ ต้องบอกว่าหนังชุดนี้อีกหนึ่งสิ่งที่คนดูยอมรับเห็นจะเป็นเรื่องงานภาพCGI กับการ “make up” ตัวผีนี่แหละ ซึ่งในภาคนี้ก็มีการอัปเกรดขึ้นพอสมควร ทั้งการใช้งานCGI

ในการเล่าเรื่องซึ่งทำได้ดีและมี “quality” ไม่ขี้เหล่เลย รวมถึงงานสร้างอื่นๆ เช่น ฉากงานบวช ฉากหนีผีที่ไร่ข้าวโพด ฉากที่ “Naka Cave” ก็ล้วนแต่อยู่ในเกณฑ์ที่ภาพยนตร์สักเรื่องควรทำได้  

ชมตัวอย่าง : รีวิวพี่นาค 3

ดูหนังออนไลน์ฟรี

ครดิต :: เว็บรีวิวหนัง

เรียบเรียงโดย :: hitsfilms.net/