รีวิวFistful of Vengeance

Fistful of Vengeanceกำปั้นคั่งแค้น action movieแฟนตาซีจาก Netflix ที่เป็นเหมือนภาคเสริมของ Wu Assasinsล่าล้ำยุทธ กับการตามล่าเพื่อแก้แค้นให้กับเจนนี่ใจกลาง Bangkok แต่กลับกลายเป็นว่าไค และเพื่อนๆ ต้องไปพัวพันกับการคื้นชีพของ gentlemanที่ต้องการจะครอบครองโลกใบนี้

เนื้อหาในกำปั้นคั่งแค้นนั้น จะต่อมาจาก Event ในซีรีส์ ล่าล้ำยุทธ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่รู้เรื่อง เพราะแม้จะมีความเชื่อมโยงกัน แต่ก็เป็นแค่เพียงเล็กน้อย และมีย้อนความสั้นๆ ให้กับผู้ชมเข้าใจ Story ก่อนเกิดขึ้นในหนัง

นักฆ่าวู หรือ Wu Assassin คือผู้ที่ได้รับพลังแห่งเต๋า เพื่อใช้ในการคาน balance ของโลกใบนี้เอาไว้ และผู้ที่ได้รับพลังนี้เป็นthe last ก็คือ ไค จิน (อิโก อูไวส์) เขาและเพื่อนๆ ได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ แม้โลกจะ Peaceful แต่ก็ต้องเสียเจนนี่ น้องสาวของทอมมี่ไป

Fistful-Of-Vengeance

ทอมมี่ต้องการจะแก้แค้นให้กับ younger sister จึงได้ตามสืบว่าใครฆ่าเธอ จนมาถึง ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และพบเข้ากับกลุ่มนักสู้ผีดิบ แต่ทว่าไคกับ friend ก็ได้รับข้อความจาก ผาน ฝาแฝดร่างทรงของเทพคนพี่ ให้หยุดยั้ง กู่ อัน ฉี (ยาย่าหญิง รฐา โพธิ์งาม) แฝดผู้น้องของเขา ที่เป็นสาเหตุการตายของ Jenny และหยุดเธอจากการพยายามฟื้นคืนบรรพบุรุษแห่ง Chaos ที่ต้องการครอบครองโลกใบนี้ให้ได้

ต้องเกรินก่อนว่า ตัวซีรีส์ Wu Assasins นั้นเป็นซีรีส์เกรดบี มีซีซั่นเดียว และถูกยกเลิก second season เพราะมันไม่ปังและไปต่อไม่ได้จริงๆ แต่ด้วยเหตุอันใดก็ตาม มันก็กลับมาอีกครั้งหนึ่งในรูปแบบ movies ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับ series version มากเลย เพิ่มเติมคืองานภาพและ Production แบบจัดเต็ม รวมถึงฉากโหด 18+ ให้สะใจเล่นๆ

จากเรื่องราว original ถูกสรรสร้างโดยฝรั่ง ที่อยากทำหนังแนวแอ็กชั่นกังฟู ผสม fantasy เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจด้วยว่ามุมมองของหนังคือ มาจากฝรั่งที่ชอบความเป็น Asia มันเลยไม่ได้ถายทอดความเป็นเอเชีย วัฒนธรรม กังฟู พลังภายในอะไร เรียกง่ายๆ ว่ามันคืองานสนองนี้ดคนที่่ชอบอะไรแนวนี้ เหมือนกับ old action movies แบบ มอร์ทัลคอมแบทของปี 90-2000 เทือกๆ นั้น

Fistful-Of-Vengeance

ตัวเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากเลย แค่เป็นการกลับมารวมตัวของ Character ที่คุ้นหน้าคุ้นตา ถ้าหากใครเคยดูซีรีส์มาก่อน กลับมารวมทีม แอ็กชั่น ต่อสู้ กู้โลก happy ending ตามสูตรสำเร็จ แม้จะมีการพยายามพล็อตทวิสcut corners แต่มันก็เดาได้อยู่แล้วและแทบไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยด้วย หรือการล่อลวงให้ฝั่ง Protagonist แตกคอกัน

เหตุผลก็ง่อยมาก ยัดเข้ามาดื้อๆ แบบข้างๆ คูๆ เพื่อเปิดให้ไปฉากสุดท้ายเฉยๆ แทบไม่ต้องคิดอะไรเลย

การดำเนินเรื่องเป็น straight line เล่าแบบตรงไปตรงมาง่ายๆ พวกพระเอก ต้องการรู้ข้อมูลตรงนี้ เลยเข้าไปสืบ ต่อสู้ เจอบอส แพ้ก่อนรอบแรก แล้วก็หนี แล้วก็ไปพักฟื้น เจอบุก ก็เลยต้องรวมพลังกันไปกำจัดบอส คือมันไม่มีอะไร complicated จริงๆ

แม้จะมีความ fantasy มันก็ไม่ได้นำเสนออะไร ช่วงแรกค่อนข้างน่าสนใจเกี่ยวกับ plot ของตัวร้ายหลักฝาแฝด ที่ต้องการคืนชีพบรรพบุรุษ เปรียบเสมือนเป็นหยินและหยาง มีความเชื่อมโยงกับตัวพระเอก assassin of wu แต่สุดท้ายบอสมันก็กระจอกง่อกง่อย ให้พวกพระเอกกระทืบเล่นในตอนท้าย

เนื่องจากตัวบทมันอ่อน ผู้กำกับก็เหมือนจะรู้ตัวก็เลยใส่ action scene มันส์ๆ เพลินๆ ให้ทั้งเรื่อง ตัดคั่นสลับกับดราม่านิดๆ หน่อยๆ ที่ทำให้เรื่องมันดำเนินต่อไปได้ มีทั้งไล่ล่ากลาง Bangkok ขี่เรือหางยาวติดเครื่องยนต์ไล่กัน ซึ่งทำออกมาได้สนุกใช้ได้

Fistful-Of-Vengeance

แต่ตัว action scene ต่อยตี ที่เป็นหัวใจหลักสำคัญเลยมันทำออกมาได้ไม่สุดเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ตัวพระเอก ไค และ หลู่ซิน (Lewis Tan) เป็นดารานักบู๊แนว เล่นจริงเจ็บจริงอยู่แล้ว แต่ punching scene มันก็พยายามใช้กังฟูแบบฝืนๆ ไม่ได้ดูเท่

คือออบแบบฉากต่อสู้ได้ค่อนข้างธรรมดามากนั่นแหละ แถมยังใช้มุมกล้องเร็วๆ ช่วยอีกต่างหาก ตามสไตล์ Western action movie เลย ส่วนตัวเลยรู้สึกเสียของและความสามารถของ  Iko Uweiss มาก

เพราะเขาโด่งดังมาจากหนังแอ็กชั่นแนวดิบๆ เรียลๆ อย่างเรื่อง The Raid (ทั้งสองภาคมีใน Netflix ไปหารับชมได้) พอมาต่อสู้แบบ fantasy มีจี้จุด ปล่อยพลังคลื่นลมปราณมันกลับทำให้ actor ไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงของเขาได้ดีพอ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ series version แล้ว

แต่ว่าอย่างน้อยบางฉาก บางซีนก็ทำออกมาเพื่อโชว์เลือดให้ satisfy เช่นมีการยิงปืนทะลุสมอง ปาดคอ หรือเอาคุณยาย่าหญิงของเราที่เป็นบอสใหญ่มาจัดการอย่างอนาถ ก็ทำเอาเสียวไส้และพอใช้ได้ มันเลยทำให้ movies เรื่องนี้มีความรุนแรง รวมถึงฉากเลิฟซีนที่มีการเห็นหน้าอก

Fistful-Of-Vengeance

ดูหนังออนไลน์ฟรี

เครดิต :: เว็บรีวิวหนัง

เรียบเรียงโดย :: hitsfilms.net/